วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เด็กบ้านทุ่งสู่เมืองกรุงในวันที่รถติดมากที่สุดในรอบปี

 

เนื่องด้วยเมื่อวานเป็นศุกร์สุดท้ายของปี เพิ่งสอบเสร็จไปเมื่อวาน เจ้าของบล็อกกับเพื่อนสาวมีแผนจะไปถ่ายรูปชุดครุยแถวๆเซนลาดเพื่อรีบส่งแจ้งจบต้นปีหน้า จำต้องรีบไปวันนี้เพราะกลัวพรุ่งนี้ร้านปิด แต่รถตู้ไม่ผ่านเลยต้องเปลี่ยนแผนกระทันหัน เข้าไปผจญข้างใน กทม ที่เหม็นกลิ่นควันรถ เพื่อเดินทางไปร้าน Photomania แถว มธ ท่าพระจันทร์ ที่ search เจอเมื่อคืน ที่เลือกเพราะร้านนี้มีบริการส่งรูปทาง EMS ไม่ต้องไปรับด้วยตัวเองจ้ะ

พอถึงอนุสาวรีย์ก้อไม่รู้จะหารถไป มธ ได้ที่ฝั่งไหน ก้อได้ลุงพนักงานประจำป้อมช่วยให้ข้อมูลว่าต้องไปขึ้นสาย 503 ที่ฝั่ง Center One

เจ้าของบล็อกรอรถเมล์อยู่นาน ก้อนึกว่าจะไม่ใช่แล้วซะอีก ในที่สุดก้อได้ขึ้น ในรถโล่งมาก คนละ 15 บาท นั่งไกลเหมือนกัน แล้วก้อมาลงที่ตรงข้ามสนามหลวง

 

เราสองคนไม่รู้จะไป มธ ยังไงดี ตอนแรกกะจะนั่งแท็กซี่ แต่แท็กซี่ที่มีจอดอยู่น้อยนิดก้อหายไปหมดแล้วหลังจากเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เพื่อหาแท็กซี่ แต่สุดท้ายพบว่าข้างหน้าไม่มีแล้ว

เราสังเกตว่าแถวนี้รถตุ๊กๆวนเวียนอยู่เยอะจัง ลังเลว่าจะขึ้นดีไหม เพราะคิดว่าราคาคงแพงมากแน่ๆ ในที่สุดก้อกระโดดขึ้นตุ๊กๆ หลังจากไปถามทางเค้า เค้าบอกว่าใกล้นิดเดียวเดินข้ามไปสักหน่อยก้อถึงแล้ว เราไม่มั่นใจว่าจะไปเองจะหลงทางไหม เค้าบอกว่าถ้านั่งไปก้อ 30 บาท

  

นับว่าเป็นการนั่งตุ๊กๆครั้งที่สอง รู้สึกเหมือนเป็นนักท่องเที่ยวเลย เจ้าของบล็อกนึกถึงปี 54 สมัยยังเป็นเด็กปี 2 ต้องจากบ้านไกล มาหมอชิตเพื่อเดินทางกลับ ม ที่องครักษ์ฝ่าน้ำท่วมอย่างยากลำบาก รถหายากมาก รุ่นพี่ที่มาส่งเลยพานั่งตุ๊กๆไปต่อรถตู้ที่อนุสาวรีย์

 

กลับเข้าเรื่องปัจจุบัน เท่าที่โทรถามข้อมูลจากเพื่อนที่เคยไป Photomania เค้าบอกว่าอยู่ตรงข้ามศูนย์หนังสือ มธ ข้างในเป็นดงขายของเล็กๆ เดินหามึนๆ ดูไม่ออกเลยว่ามีร้านถ่ายรูปอยู่แถวนั้น ร้านเล็กและแคบมากจริงๆ  ป้ายข้างบนเป็นป้ายร้านขนมปัง แถมยังมีแผงลอยบดบังอีก (เพราะยังมึนๆ เลยลืมแชะภาพบรรยากาศช่วงถึงร้าน Photomania)

ทุกอย่างผ่านไปไวเหมือนพายุ ถ่ายรูปเสร็จเดินลงบันไดมาแบบงงๆเหมือนหลงมิติ พบคนกำลังทำขนมปังกันอย่างคร่ำเคร่ง มันกลายเป็นร้านทำขนมปังไปตั้งแต่เมื่อไหร่ฟะ!!??!?

เพื่อนสาวเจ้าของบล็อกได้สติ หมุนลูกบิดประตูที่อยู่ข้างๆ ในที่สุดก้อได้เดินออกทางที่เคยเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย

เราสองคนเดินข้ามสนามหลวงมารอรถไปรังสิตใต้ต้นมะขาม ด้านตรงข้ามเป็นทางที่เคยขึ้นตุ๊กๆ แถวที่ยืนอยู่บรรยากาศเกาหลีมากๆจ้ะ รอรถเมล์อยู่นานมาก แชะกันเองหลายรูป

แชะจนเบื่อ ในที่สุดก้อได้นั่งอีกครั้ง เป็นการนั่งที่ยาวนานมากที่สุดเท่าที่เคยนั่งรถเมล์มา รถที่มาถึงไม่ใช่ 503 อย่างที่ตั้งใจ แต่เป็น 59 ที่ไปรังสิตได้เหมือนกัน เราได้ตัดสินใจแล้วว่าจะนั่งยาวให้ถึงรังสิตเลยไม่อยากต่อรถอีกแล้ว การจราจรติดขัดมาก

เราหิวมากเพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนสาย หิวจนวางแผนจะกินโออิชิบุฟเฟต์กัน แต่สุดท้ายถึงรังสิตช้ากว่าที่คิด เลยล้มเลิกแผน พอมีเวลาเดินช้อปของลดราคาใน Big C อยู่บ้าง รีบกลับออกมาที่คิวรถตู้ มศว องครักษ์ตอนเกือบ 2 ทุ่ม พบว่าได้นั่งคันสุดท้ายพอดี รอไม่นานรถก้อออกเลย เห้อออ รอดไปได้นะทริปนี้ อดแวะเที่ยวอย่างที่เคยตั้งใจไว้จนได้ รุสึกใช้เวลากับการเดินทางมากกว่าทำกิจกรรมซะอีก

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

มศว องครักษ์ ตอนที่ 1 Chill out

 

…ณ ดินแดนแห่งห้วยหนองคลองบึงนับไม่ถ้วน

ในฐานะที่เรียนที่นี่เป็นเทอมสุดท้ายแล้ว ก้อขอบันทึกเรื่องราวต่างๆ เล็กน้อยไว้เป็นความทรงจำ สาเหตุที่ตอนที่ 1 ชื่อว่า Chill out ก้อคงเป็นเพราะอยากให้ได้อารมณ์เดินเล่นสบายๆ ยามเย็น ตลอดการเดินทางแบบทริปเล็กๆ ไม่ไกลกันมากนัก

ตอนเข้ามาปี 1 ใหม่ๆ หลายคนอาจเคยนั่งรถกะป๊อไปเรียนบ่อยๆ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 6 คัน วิ่งเฉพาะจันทร์-ศุกร์ จะเริ่มจอดรับนิสิตตั้งแต่หอพักใน ต้องซื้อคูปองเที่ยวละ 3 บาท/คน (ยกเว้นวันรับปริญญานั่งฟรี เน้นให้นิสิตปี 1 ไปบูมพี่บัณฑิตเอาตังค์เข้าคณะ) แต่ถ้าคุณเดินกลับหอหลังวิ่งตอนเช้าเสร็จ พอดีกับที่รถจะออกจากท่า ที่ตึกอำนวยการไปยังหอพักใน ก้อขอติดไปด้วยได้ฟรีๆ

หากเดินต่อมาไปทางข้างหน้า ม จะเป็นวงเวียน แหล่งเหล่หนุ่มเหล่สาวที่มาวิ่งออกกำลังกายกันตอนเย็น วิ่งกันบนถนนเลยจ้า บรรยากาศสบายๆ มีเพลงให้ฟัง บางครั้งดีเจก้อส่งเสียงน่ารำคาญบ้าง สมัยก่อน วิ่งไปก้อหวิดโดนรถโดนจักรยานเสยตูด เดี๋ยวนี้เค้ามีไพลอนกั้นให้แล้ว แต่เจ้าของบล็อกไม่วิ่งวงเวียน เพราะกลัวรองเท้าวิ่งที่กลั้นน้ำตาซื้อจะสึกไว

เดินเลยวงเวียนไปอีกหน่อยจะมีเรือนไทยที่ปกติไม่เคยเปิดให้ขึ้นไปชมเลย มีครั้งนึงในงานลอยกระทงให้ขึ้นไปเดินได้ น่าเสียดายกล้องมือถือถ่ายรูปกลางคืนกาก ถ่ายตัวเองซะยังจะดีกว่า ที่น่าตกใจคือมีโพวนเวียนอยู่แถวนั้นด้วย ถ้าคุณโชคดี อาจถ่ายรูปติดมันมา

เดินไปตรงริมน้ำ จะเห็นหอพระที่มองได้จากมุมนี้ คุณสามารถปล่อยปลาและนั่งสมาธิกับชมรมสมาธิทุกวันจันทร์เริ่มประมาณ 5 โมง อย่าลืมทาซอฟเฟลอันเป็นของดีขึ้นชื่อประจำ ม ที่นิสิตทุกคนย่อมต้องเคยใช้อย่างน้อยสักครั้งหนึ่งตลอดเวลาที่เรียนที่นี่ จะช่วยให้คุณรอดพ้นจากฝูงยุงงี่เง่าได้มากพอสมควร

อีกโซนถัดไปหลังเรือนไทย เป็นริมน้ำอันแสนอบอุ่น ที่เต็มไปด้วยห่านและเป็ดฝูงใหญ่ ส่งเสียงแข่งกันระงม โดยเฉพาะตอนที่มีคนอยู่ใกล้ๆ มันจะคึกคักเป็นพิเศษ ร้องจนแก้วหูแทบแตก เค้าเพิ่งเอามาเลี้ยงที่นี่ตอนปีการศึกษา 2556 บริเวณนี้นอกจากจะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของเด็กหอแล้ว ยังมีนิสิตชายแอบเดินข้ามคอกมาชู้ตห่านเป็นว่าเล่น

เมื่อคุณเดินไปอีกฟากของวงเวียน ผ่านโซนของคณะพละที่กินพื้นที่มากมาย คุณจะเจอสนามกีฬากลาง ซึ่งอยู่สุดขอบ ม  เหมาะกับผู้ที่เน้นการวิ่งเพื่อสุขภาพ เพราะพื้นสนามถนอมเข่าและรองเท้ามากกว่าวงเวียน แต่ก้อต้องเสี่ยงกับลูกบอลที่เล่นกันอยู่กลางสนามทุกเย็น มีหนุ่มสาวให้เหล่น้อยกว่า เจ้าของบล็อกมักวิ่งที่นี่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฟิตเนสที่เคยโปรดปราน ระบบการจัดการมันแย่ลง

ขอจบตอนที่ 1 ด้วยภาพดอกบัวจากสระแห่งหนึ่ง (ในบรรดาหลายๆสระ) แถวๆ วงเวียน