ทริปครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่พวกเราไปเที่ยวด้วยกันที่จัน ที่ ๆ มีบ้านมีมี่ ครั้งนั้นเรามีข้อจำกัดในการถ่ายรูป และการเที่ยว เราถ่ายภาพด้วยมือถือ Samsung ราคาถูก ๆ (แต่คุณภาพตอนแดดดีก้อโอเค) แถมยังต้องเตรียมตัวสอบวิชา Signal อีก มาครั้งนี้เราเรียนจบแล้ว ไม่มีเรื่องให้กังวลเท่าไหร่ และมีกล้องดี ๆ ราคาไม่แพงไว้เก็บความทรงจำ
ต้องบอกไว้ก่อนว่าไดอารี่นี้เน้นถ่ายรูปคนจ้ะ
วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2557
ฉันรีบเร่งเก็บของออกจากหอพักเป็นครั้งสุดท้าย และยกกล่องหนัก ๆ ไปที่ไปรษณีย์องครักษ์เพื่อส่งกลับบ้าน ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันกับมีมี่จะขนกันไปได้อย่างราบรื่นโดยขับมอเตอร์ไซด์ ได้มีมี่มาช่วยแบกกล่องให้ มีมี่ของนัวเนียเก่งที่สุด
เราจัดกระเป๋า แล้วออกเดินทางไปหมอชิตกันตอนค่ำ ๆ ฉันแวะซื้อตั๋วกลับน่าน แล้วเราก้อไปซื้อตั๋วไปจันที่เหลืออยู่เที่ยวสุดท้าย ต้องนั่งรออยู่นานกว่ารถจะออก
พอสองทุ่ม เราก้อมานั่งอยู่บนรถ มีมี่ไปหยิบผ้าห่มให้ฉัน ตอนนั้นบนรถมีปัญหาเรื่องผู้โดยสารเอาแมวขึ้นมา จนป่านนี้ฉันยังไม่รู้ชะตากรรมแมวตัวนั้นเลย
ระหว่างหลับบนรถฝันถึงมีมี่ด้วย นั่งรถทัวร์รู้สึกดีกว่านั่งรถตู้เยอะ แปบเดียวรถก้อมาจอดตรงข้าม รร แล้วน้องชายมีมี่ก้อมารับเข้าบ้านมีมี่ที่อยู่แถวท่าช้าง
วันอังคารที่ 18 มีนาคม 2557
ตอนสาย ๆ เราส่งน้องสาวมีมี่ไปรับผลสอบที่ รร โรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ แล้วไปซื้อหมวกกันน็อกแถวตลาด ฉันเลือกสีเหลืองดำ ส่วนมีมี่เลือกแบบเต็มใบสีแดงดำที่โปรดปราน
เพิ่งเคยเห็นร้านขายหมวกกันน็อกโดยเฉพาะก้อที่นี่แหละ มีให้เลือกเยอะ ราคาก้อไม่น่าเกลียด มีบริการเปลี่ยนหน้ากาก เปลี่ยนอะไหล่ด้วย ครบวงจรจริง ๆ
หลังจากได้ Helmet ก้อขับมอไซด์ลั้ลลาได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกลัวตำรวจปรับ
มองร้านรวงข้างทางแล้วเปรียบเทียบกับที่ ๆ เคยอยู่มา ที่นี่มีห้างร้านอยู่เป็นกระจุก ถ้าอยากได้อะไร ไม่ต้องกลัวว่าจะขัดใจ ตัวเลือกเยอะมากจริง ๆ ร้านข้าวมันไก่่ที่มีมี่ตั้งใจพาไปกินปิด (วันต่อมาก้อยังปิดอยู่) ก้อเลยไปกินมื้อสายที่ร้านลูกแม่แจ่ม ตรงหัวมุม 4 แยก ที่มีเมนูเป็ดเยอะแยะ มีมี่เองก้อยังไม่เคยเข้ามากิน เลยตัดสินใจกินเป็นมื้อแรกของทริปเที่ยวจันนี้ (ภาค 2 แระ)
บะหมี่เป็ดตุ๋นถือว่าใช้ได้ แต่สู้ที่นครนายกไม่ได้ ด้วยความหิวโหยเลยสั่งข้าวหน้าเป็ดพะโล้มาแบ่งกันกินคนละครึ่งกะมีมี่ รสชาติไม่ต่างจากข้าวขาหมูเลย
หลังกินเสร็จ อิ่มมาก ต้องเว้นช่วงสักพักก่อนไปว่ายน้ำในสระ ระหว่างนั้นก้อส่งมีมี่ไปแจ้งใบขับขี่หายที่ขนส่ง มีมี่ก้อได้ใบขับขี่ใหม่มา
แล้วเวลาที่เรารอคอยมานานก้อมาถึง เราไปว่ายน้ำ (มีมี่ดำผุดดำโผล่) กันที่ในค่ายทหาร
ฉันใส่ชุดว่ายน้ำลดราคาที่เพิ่งซื้อมาจากงาน SportWorld ที่เมืองทอง ฯ รู้สึกหุ่นดีกว่าสมัยยังเรียนอยู่ ส่วนมีมี่มีพองขึ้น แต่ก้อน่ารัก ///></// เห็นมีมี่ถอดท่อนบนแล้วหัวใจจะวาย
ที่นี่มีสอนว่ายน้ำโดยทหาร เด็กมาเรียนว่ายน้ำกันเยอะมาก ยิ่งบ่ายเด็กก้อยิ่งทยอยมาเรื่อย ๆ สักพัก เราไม่มีพื้นที่เลย เนื่องจากเด็กเริ่มเรียนว่ายน้ำกันแล้ว และเรียนวันละหลาย ๆ ชั่วโมงด้วย ตอนฉันอายุเท่าเด็กพวกนี้ ยังว่ายไม่เป็นเลย
ว่ายได้ไม่นานเหมือนที่หวังไว้ แชมพูกับสบู่เหลวที่ขนไปก้อไม่ได้ใช้ ตัดสินใจกลับไปอาบบ้านมีมี่ดีกว่า ตอนออกมารองเท้าเต็มไปหมดเลย
เดินออกมาจากสระสักพักก้อรู้สึกหิว เลยซื้อไก่ย่างไม้นึงมาแบ่งกันกิน น่าเสียดายที่แม่ค้าไม่ทำตำข้าวโพดไข่เค็มอย่างที่เห็นในป้ายเพราะไม่มีข้าวโพด เป็นเมนูที่เราเพิ่งมาเห็นที่จันเนี่ยแหละ
นั่งกินไก่ที่รถไฟของเล่น พอไก่หมดก้ออยากกินอีก เป็นไก่ย่างที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมา นุ่ม มัน ชุ่มฉ่ำมาก เลยซื้อเพิ่มจ้า เอาไปกินต่อที่บ้านมีมี่
ค่ายดูกว้างขวาง สวยงาม และสะอาดสะอ้านดี มีสนามเด็กเล่น 2 ที่ ขากลับออกมา มีมี่หลงทาง ขับรถวนอยู่ในนั้นฮ่า ๆๆๆๆ
เราไปเที่ยวกันต่อในมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ที่ ๆ พ่อมีมี่ (ซึ่งแยกกันอยู่) สอนอยู่
เราจอดรถไว้ แล้วเดินเล่น แดดแรง แต่มีร่มเงาจากต้นไม้มากกว่าองครักษ์ซะอีก
บรรยากาศร่มรื่น สงบ เดินไปเหมือนที่แห่งนี้มีแค่เราสองคน ก้อว่ากันไป
มีมี่ขับรถพาชมรอบ ม ทีนี่มีดงเปลี่ยวเยอะเหมือนกัน ก่อนออกจากที่นี่ มีมี่ชี้ให้ดูบ้านพักสมัยเด็ก เล่าเรื่องการเดินมารอรถรับส่งไป รร เรื่องขี่จักรยานลงบันไดสูงชันใกล้ ๆ บ้านพัก
เราไปนั่งรอรับน้องสาวมีมี่ที่บ้านนิรมล เป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว เครื่องดื่ม ของที่ระลึก ตั้งอยู่ในโรงเรียน เราแวะซื้อไอติมร้อยชั่งมานั่งกิน แท่งละ 15 บาท ถึงรสชาติแท้ ๆ แต่ก้อหวานมาก
สะดุดตาโต๊ะในโซนเครื่องดื่มที่ทำจากโอ่ง เวลานั่งก้อต้องแหกขานิดนึงถึงจะนั่งสบายจ้า
พอกินไอติมเสร็จ มีมี่ตัวเด็กก้อไปสั่งโตเกียวหน้า รร มากินกันคนละสองอัน มีมี่บอกว่าคิดถึงตอนเป็นเด็กเลย มีมี่ก้อสั่งแต่ไส่นี้แหละ
ได้เวลา 4.30 น แล้ว แต่มีมี่วางแผนว่าจะเดินถ่ายรูปเล่นจนกว่าน้องสาวจะโทรบอกให้มารับ นี่ก้อเป็นการแวะมาถ่ายรูปอาสนวิหารที่อยู่ใกล้ ๆ รร เป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งนี้ภาพถ่ายออกมาไม่มืดเหมือนเมื่อเกือบสองปีก่อน
เราเดินข้ามสะพานไปชุมชนริมน้ำจันทบูร มองจากสะพานเห็นนักท่องเที่ยวมากันหลายกลุ่ม
ถึงหัวสะพานอีกฟากเจอป้ายแผนที่ใหญ่ ๆ ทำได้สวยดี รู้สึกสะดุดตากับไอติมจรวด เลยเริ่มภารกิจตามหามากิน
เราเดินไปตามถนนแคบ ๆในชุมชนที่ดูคลาสสิค อาคารไม้เก่า ๆ ที่คุ้นตา บางหลังก้อเปลี่ยนไป บางหลังหายไปแล้ว มีร้านอาหารประปรายตลอดทาง ทั้งเปิดและปิดในเวลานี้ และของฝากท้องถิ่นที่ทำเองในร้าน ที่นี่ยังเงียบสงบเหมือนเดิม เวลาดูผ่านไปช้า ๆ ฉันมองหลังคอมีมี่ นึกอยากให้เวลาแบบนี้อยู่กับเรานาน ๆ
ถ้าเดินคนเดียวที่นี่ กว่าจะถึงร้านขายไอติมคงดูเหมือนนานมาก ข้างทางดูเงียบเหงา เหมือนกิจการที่ผ่านยุคสมัยรุ่งเรืองมานานหลายปี (ที่จริงสองรูปนี้มีมี่ถ่ายตอนเดินกลับ รร )
เราซื้อไอศกรีมจรวดมาดูดกันคนละแท่ง แท่งละ 10 บาท ดูเหมือนหวานเย็นมากกว่า หน้าตาคล้ายไอติมที่เคยกินตอนประถม สักพักน้องสาวมีมี่โทรให้ไปรับ เราเดินกลับไปทางเดิมอีกครั้ง
ระหว่างที่กำลังเดิน จากไอติมรูปทรงกระบอก กลายเป็นไอติมหัวจรวด ไอติมกาแฟของฉันกลายเปนโอเลี้ยงที่ละลายไว ต้องรีบดูด
เรากลับบ้านมาอาบน้ำ ฉันนอนพักให้หายเพลีย แล้วตอนค่ำ ๆ เราก้อไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ ชิปังโต้ ที่เคยไปกินคราวก่อน
พอสั่งเสร็จฉันก้อไปเข้าห้องน้ำตั้งสองรอบ รู้สึกโล่งมากที่ได้เข้าก่อนไปดูหนังในโรง เมนูอาหารหลากหลายขึ้น หลายเมนูหายไป อร่อย ราคาแพง และปริมาณน้อย ฉันยังนึกเสียใจกับการสั่งปลาหมึกราดซอส ที่ได้มาแล้วหดกว่าที่คิดไว้เยอะ
เราคุยกันเพลิน กว่าจะเริ่มกินกันอย่างช้า ๆ มีมี่ใจดี ให้เรากินของอร่อย ๆ เสมอ
นั่งกินอาหาร และบรรยากาศกันได้นานมาก หลังจากนั้นก้อมุ่งสู่เป้าหมายสุดท้ายที่รอคอยมานานในวันนี้ เราไปโรงหนัง SF Cinema ในห้าง Robinson เป็นครั้งแรกของฉันเลยทีเดียว ตั๋วหนังถูกกว่าที่คิด 100 บาท ได้ดูโรง 1 ที่มีมี่บอกว่าเป็นโรงที่ดีที่สุดด้วย ที่นั่งมีเหลือหลายให้เลือก
ก่อนเข้าไปดู 300 หนังเรื่องโปรด จู่ ๆ ก้ออยากกินชาบับเบิ้ล จะได้เคี้ยวมันปากระหว่างดู
เสียดายที่ไม่มีโปสเตอร์หนังให้ถ่ายรูปด้วย เหมือนโรงหนังที่เคยเฟื่องฟู โดนลดพื้นที่โดยแผนกของเล่น
300 ภาคนี้ได้อารมณ์สะพรึงไปอีกแบบ ความรู้สึกต่างจากภาคแรก แต่ก้อรู้สึกประทับใจที่ได้ดูในโรง และได้นั่งดูไปพร้อมกับมีมี่