วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หัวหิน เมืองเนรมิต

ขณะนี้คือช่วงปลายปีแห่งการท่องเที่ยว นี่เป็นการมาเยือนหัวหินครั้งแรก ผู้เขียนได้ที่พักฟรี 1 คืนจากบริษัทของคู่หู ที่โฮมสเตย์แบบบ้านๆ ริมทะเล เท่าที่ค้นหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวหัวหินจากในเน็ต รู้สึกไม่ใคร่อยากจะไปที่ไหนเป็นพิเศษเลย
ต่อไปนี้เป็นรายการสถานที่ที่ผู้เขียนกับคู่หูไปตามกระแสเค้า

1. โฮมสเตย์ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว ติดหาดหัวหิน
วันนี้ฟ้าครึ้มอากาศหนาวตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ บ่ายๆ ตอนไปถึง น้ำทะเลสูงมาก และค่อยๆ ลดลง คลื่นแรง ลมแรง มองไม่เห็นหาดทราย มีเพียงขอบสูงๆ กั้นไว้ ภาพคนขี่ม้า และเล่นน้ำจากในเน็ตสลายวับไปกับตา เห็นรีสอร์ท โรงแรมเรียงเป็นแถบตามยาว มันค่อนข้างจะสร้างติดกับทะเลมาก แทบมองไม่เห็นหาดเลยในวันที่คลื่นแรงๆ อย่างนี้ นึกแล้วสงสารหาดทราย มีทั้งบันไดซีเมนต์ ที่กั้นคลื่น อะไรไม่รู้เต็มไปหมด


2. ตลาดน้ำหัวหินตอนหาข้อมูลในเน็ต เราไม่รู้มาก่อนว่าพอไปถึง มันจะไม่มีป้าย แถมยังร้างสนิท ด้วยความที่ไม่มีผู้คนมาให้รกสายตา มันเลยดึงดูดให้เราสละเวลาเดินเล่นอยู่ในนั้น



จินตนาการว่าไวรัสซอมบี้เพิ่งมาลงที่นี่ไปหมาดๆ เลยเป็นเมืองร้างที่ยังหลงเหลือร่องรอยของความวุ่นวายอยู่



น้ำที่เป็นสีเขียวไข่กาดูแปลกตาสำหรับเรา เราถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ก่อนเดินทางไปจุดหมายต่อไป

3. ตลาดน้ำสามพันนาม
ถัดมาใกล้ๆ จากตลาดน้ำร้างคือตลาดน้ำสามพันนามที่มีทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติมากมาย มันเป็นบ่อที่ถูกขุดขึ้นมาจำลองให้เป็นตลาดน้ำ



ใช้เวลาเดินไม่นานก็ครบรอบเพราะสำหรับเรานั้นไม่มีอะไรน่าดึงดูดและเป็นเอกลักษณ์นัก ของขายมีตั้งแต่พวกของที่ระลึกและของฝากที่พบเห็นได้ทั่วไปและมีราคาแพงกว่าปกติ ไปจนถึงของที่มักพบตามตลาดนัด ร้านซีดีเถื่อนก็ยังมี



เราค่อนข้างผิดหวังกับที่นี่ อาหารมีน้อยมาก(แต่อาหารปลามีขายทุกมุมเลย) เดินวนรอบบ่อแปบเดียวก็สุดแล้ว



4. สถานีรถไฟหัวหินทีแรกเราต้องการไปเขาหินเหล็กไฟ แต่โครงการก็พับไปซะก่อน เลยแวะมาที่นี่ น่าเสียดายที่ห้องสมุดรถไฟปิดในวันนั้น



เรานั่งกินขนมปังอยู่สักพัก มองสถานี นึกถึงสถานที่ต่างๆ ยิ่งตระหนักว่าหัวหินนี่ช่างเป็นเมืองที่ร่ำรวย และดูดีในแบบของเค้า  จากการที่เห็นสิ่งก่อสร้างเฟคๆ ทั้งหลายทั้งแหล่ข้างทางที่พยายามดึงดูดผู้คน มันสวยสะดุดตาในครั้งแรก แต่ยิ่งมองยิ่งว่างเปล่า



5. พระราชนิเวศน์มฤคทายวันสายวันนี้อากาศร้อน และแดดแรงมาก ถ้าเช่าจักรยานมาปั่นชมรอบบริเวณจะดีกว่า เพราะรอบๆ ค่อนข้างกว้างและไม่มีร่มเงา



ที่นี่เคยเป็นที่ประทับของ ร.6 ทั้งหญิงและชายควรจะใส่กางเกงที่ยาวเลยเข่ามาชมวัง ไม่อย่างนั้นจะต้องเดินใส่ผ้าถุง เราเสียค่าเข้า และค่าชมวังต่างหาก และห้ามถ่ายรูปบนวัง



6. เพลินวานเราไม่ได้สังเกตเลยว่าขับรถผ่านเพลินวานแล้ว ทางเข้าแฝงตัวได้เนียนไปกับเมืองได้ขนาดนี้เล่นเอาต้องวนรถกลับมาอีก ด้านในมีการตกแต่งแบบจัดเต็มจนดูเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง



เรานึกถึงหนังจีนสมัยก่อน ผสมกับงานวัด ขนมถังเต็มเป็นสิ่งหนึ่งที่ชอบในนี้ มันคือลูกผสมระหว่างขนมเบื้องกับขนมถังแตก ที่นี่มีหลายไส้ให้เลือก วางบนครีมแบบขนมเบื้องที่หอมกลิ่นดอกนมแมว(สังเคราะห์) ที่ไม่เคยได้กลิ่นมานานแล้วความหอมหวานยังคงติดปากแม้จะกินหมดไปนานแล้ว



ของขายหลากหลายถูกใจวัยรุ่นมากกว่าตลาดสามพันนาม ราคาแพงพอๆ กัน ชั้นสองน่าเดินกว่าชั้นล่างสุด (ส่วนชั้นสามเป็นห้องพักที่แพงมาก)  พื้นที่ไม่กว้างนัก เพลินแก่การเดินเที่ยวครั้งแรก ถ้าให้มาครั้งที่สองคงขอลา



สรุปคือที่นี่มีสถานที่ขึ้นชื่ออยู่ไม่ไกลกันมาก วันนึงสามารถไปเที่ยวได้หลากหลายที่ เหมาะแก่เวลาที่จำกัดอย่างเสาร์ไป อาทิตย์กลับกรุงเทพฯ ชีสเชดมีขายแทบทุกที่ เมืองจำลอง ศูนย์การค้า สวนสนุกดูจะเป็นจุดขาย เหมาะแก่การถ่ายรูปและหาไอเดียทางสถาปัตยกรรม ซึ่งไม่ใช่สไตล์ผู้เขียนที่ชอบความเป็นธรรมชาติ ถ้าให้เลือก ก็คงไม่มาอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น